|
 |
28
มิถุนายน 2547 |
โบราณสถานที่นับเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง
ไทยเราที่ผมอยากไปเยี่ยมนมัสการและยังไม่
เคยไปคือ พระพุทธชินราชที่พิษณุโลกและ
พระบรมธาตุนครศรีธรรมราช แล้วผมก็มีโอ
กาสได้ไปไหว้พระบรมธาตุนครศรีธรรมราช
ที่วัดพระมหาธาตุมหาวิหาร พระบรมธาตุ
เจดีย์นี้สร้างในปี พ.ศ. ๑๗๑๙ โดยพระเจ้า
ศรีธรรมาโศกราช ซึ่งได้สร้างพร้อมเมือง
นครศรีธรรมราช เจดีย์เป็นทรงลังกา ตั้งโดด
เด่นเป็นสง่าอยู่กลางตัวเมือง รูปที่เห็นถ่ายจาก
ทางเดินจากลานจอดรถ ถ้าเดินผ่านกำแพงที่
เห็นเข้าไป จะเห็นเจดีย์ขนาดเล็กๆ มีทรง
เหมือนเจดีย์องค์ใหญ่เรียงรายเป็นแถวรอบ
สวยงามยิ่ง จนทำให้ผมเพลินถ่ายแต่รูปเจดีย์
องค์น้อยจนไม่เห็นเจดีย์องค์ใหญ่ เลยคัดได้
รูปนี้ที่เห็นองค์พระธาตุสวยงามมาแบ่งกันดู
ครับ |
|
 |
21
มิถุนายน 2547 |
เมืองไทยเราได้รับการจัดให้เป็นที่เที่ยวอันดับ
หนึ่งของโลกประจำปี 2546 จาก Lonely
Planet ที่นักเที่ยวแบบแบกเป้รู้จักดี เขี่ยอิตาลี
ไปอยู่ที่ 2 อย่างไม่ยากผมลงรูปอิตาลีมาฝาก
กันดูไปหลายใบ เลยเอาทะเลไทยมาฝากบ้าง
ที่นครศรีธรรมราชไม่มีชื่อเสียงเรื่องทะเลสวย
งาม ยังหาวิวสวยงามได้ไม่ยากเลยครับ ผมมี
ธุระไปกับทนายความสมบุญพอเสร็จธุระเช้า
ช่วงบ่ายก็เลยนั่งดริ๊งก์กันยาวเลย จากปากแม่
น้ำมาต่อทะเลริมหาดสวย นั่งกันได้ยาวเพราะ
ได้วิวที่ดีอย่างนี้ ผมมีเวลาในนครแค่หนึ่ง
บ่ายเท่านั้นเอง ก่อนหน้านี้ผมไม่เคยมาเยือน
เมืองนี้เลย นครศรีธรรมราชเป็นเมืองสงบ
น่าอยู่ดีมีเวลาไม่นานก็ได้รูปทะเลมาแบ่งกัน
ดูครับ |
|
 |
14
มิถุนายน 2547 |
เมืองท่องเที่ยวระดับโลกในอิตาลี
ที่เป็นปลาย
ทางของนักท่องเที่ยวหลายท่านผมว่าต้องเป็น
เวนิซครับ ด้วยความโดดเด่นและการมีประวัติ
ศ่าสตร์ที่ยาวนาน เมืองนี้ในอดีตเป็นศูนย์
กลางการค้าขาย เป็นเหมือนเมืองท่าสุด
ท้ายของยุโรปก่อนข้ามมาเอเซียครับ ถ้า
เปรียบสมัยนี้ก็คล้ายๆ สิงคโปร์ครับ เวลา
ผ่านไป การเดินทางทางน้ำลดความสำคัญ
ลง ทำให้ทุกวันนี้เมืองนี้ต้องเพิ่งพาของ
เก่าครับขายการท่องเที่ยวเป็นหลัก
เวนิซ
ไม่มีถนนรถวิ่งมีเดินทางกันด้วยเรืออย่าง
เดียว จุดชมเมืองและคลอง Grand
Canal ที่ดีที่สุดคือบนสะพาน Railto
ครับสำหรับผมเมืองนี้ไม่ได้ดีมากอย่างที่
วาดภาพไว้ และค่ากินอยู่แพงมาก อีกอย่าง
ห้องน้ำหายากมากจนเดินเที่ยวกันไม่สนุก
ภาพนี้เห็นการสัญจรทางน้ำดูวุ่นดีเลยเอามา
แบ่งกันดูครับ
|
|
 |
7
มิถุนายน 2547 |
อิตาลีมีที่เทียวและที่แวะชมเยอะมาก
ผมเอา
รูปมาฝากเพื่อนๆ ได้เป็นเดือนแล้ว ถ้าขาดรูป
น้ำพุเทรวีก็เหมือนขาดอะไรไป เพราะเราคง
เคยได้ยินกันมาว่าถ้าอธิษฐานแล้วหันหลังโยน
เหรียญลงในน้ำพุแล้วจะได้กลับมาเยือนโรม
อีก ตัวน้ำพุ Trevi สร้างเสร็จในปี ค.ศ.
1762 จะเห็นรูปของเทพเนปจูนและยักษ์
สองตัวกำลังจับม้าป่าที่แสดงออกถึงสองอา
รมณ์คือตัวหนึ่งพยศมากอีกตัวเงียบสงบ
สื่อความหมายถึงทะเลที่เอาแน่เอานอนไม่ได้
ครับ น้ำพุเทรวีอยู่กลางกรุงโรม เดินลัดเลาะ
ตามตรอกซอกซอยอยู่ๆ น้ำพุขนาดยักษ์นี้ก็
โผล่มาให้เห็นเต็มตาท่ามกลางนักท่องเที่ยว
มากมาย
|
|
 |
31
พฤษภาคม 2547 |
ถ้าได้ไปเยือนเวนิชแล้วอย่าลืมเดินทางข้ามไป
มูราโน่ด้วยน่ะครับ ที่นี่เป็นแหล่งผลิตเครื่อง
แก้วชั้นดีมาตั้งแต่ปี คศ.1291 ทำให้เครื่อง
แก้วที่นี่สวยงามและมีเอกลักษณ์สีสรรเฉพาะ
ตัว ที่สำคัญผมว่าราคาไม่แพงด้วยน่ะ มูราโน่
เป็นเกาะเล็กมากเดินได้สองชั่วโมงก็เบื่อแล้ว
ครับ ถ้าลงเรือที่ท่า Museo เดินเลาะตาม
คลองไปทางขวามือจะเห็นโบสถ์แปลกตา
ที่ฃื่อว่า Basillica deiSanti Maria e
Donato ผมถ่ายรูปนี้มาเพราะชอบแล้ว
ค่อยมาหาข้อมูลทีหลังปรากฎว่าเป็นที่ที่ต้อง
มาเยือนถ้ามาที่นี่ สร้างในศตวรรษที่ 12 ก่อ
อิฐโชว์แนวได้เนียบมากเลยครับ คนไม่มีเลย
ไปหาซื้อแก้วกันหมดเลยได้ภาพโบสถ์ยืน
เหงาบนลานหินว่างเปล่ามาฝากกันดูครับ
|
|
 |
24
พฤษภาคม 2547 |
ผมรู้จัก
Pantheon น้อยมากตอนก่อนไป
โรมผมว่าน่าเรียกเป็นวิหารมากกว่าโบสถ์น่ะ
ครับพอดีได้ดูรายการฝรั่งเขาจัดให้ที่นี่เป็น
1 ใน10โบราณสถานที่ต้องเที่ยว ผมก็ต้อง
เอารูปมาแบ่งกันดูแหล่ะครับ Pantheon
จัดเป็นโบราณสถานที่สมบูรณ์ที่สุดของโรม
เป็นวิหารของเทพเจ้า เริ่มสร้างในช่วง 27-
25ปีก่อนคริสต์กาล โดดเด่นด้วยโดมด้าน
หลังที่เป็นต้นแบบของอีกหลายอาคารใน
เวลาต่อมา ข้างนอกแลดูเรียบง่ายแต่ข้างใน
ตกแต่งด้วยหินอ่อนได้รับการบูรณะให้ดูใหม่
สมบูรณ์มาก ตรงกลางมีช่องแสงเปิดรับแดด
รับฝนเวลาฝนตกก็มีฝนลงมากลางวิหารด้วย
ครับ Pantheon ตั้งอยู่กลางเมืองโรมจนดู
กลมกลืนไปกับอาคารรอบๆเมืองโรมก็อย่างนี้
แหล่ะครับเหมือนเมืองพิพิธภัณฑ์จริงๆเลย
ครับ
|
|
 |
17
พฤษภาคม 2547 |
Galleria
Vittorio Emanuele II หรือที่
เรียกภาษาไทยว่า แกลเลอเรีย วิตตอริโอ เอมา-
นูเอเล 2 ตั้งอยู่ที่ลานหน้า Duomo ของเมือง
มิลาน คนอิตาลีบอกผมว่าเมืองมิลานไม่ใช่เมือง
ท่องเที่ยว แต่ที่จริงแล้วมิลานเคยเป็นเมืองหลวง
เก่าของอิตาลีมาข่วงหนึ่งก่อนจะถูกจักรพรรดินี
มาเรีย เทเรซ่าแห่งออสเตรียยึดครองไป ปัจจุบัน
เป็นเมืองใหญ่อันดับสองและเป็นศูนย์การธุรกิจ
ศูนย์กลางแฟชั่นของโลกด้วยซ้ำ ผมคิดว่าเมือง
นี้เป็นเมืองน่าเที่ยวเลยทีเดียว Duomo ของ
มิลานเป็นโบสถ์โกธิคที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้าน
ข้างมีอาคารแกลเลอเรียวิตตอรีโอฯ ที่จัดเป็น
พลาซ่าที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของโลก การตก
แต่งภายในตั้งแต่เพดานจรดพื้นงดงามมากผม
ถ่ายภาพโดมหลังคาตรงกลางห้างได้ภาพสวย
แปลกตาดีเลยเอามาแบ่งกันดูครับ
|
|
 |
10
พฤษภาคม 2547 |
Basilica
of Constantine and
Maxcritius คืออาคารที่ใหญ่ที่สุดใน
Roman Forum ในกรุงโรม บริเวณแถวนี้
เริ่มสร้างกันตั้งแต่200ปีก่อนคริสต์กาล ถ้ามี
โอกาสไปเยี่ยมชมต้องอย่าลืมไป Basilicaฯ
แห่งนี้ซึ่งตั้งเด่นเป็นสง่าใหญ่โต แต่เดิมใช้เป็น
ที่ทำการศาล จากรูปเทียบกับคนที่ไปยืนอยู่ใกล้ๆ
จะเห็นว่าโถงทั้งสามใหญ่โตมาก ระยะระหว่าง
เสาที่กว้างขวางมากทำให้เห็นความก้าวหน้า
ทางสถาปัตยกรรมของอาณาจักรโรมัน เสาที่
เห็นนั้นผมเห็นเป็นอิฐก่อจริงๆ น่ะครับไม่มีเสา
คอนกรีตผูกเหล็กเลยแม้แต่น้อย ความใหญ่โต
และความเก่าแก่ท้าทายกาลเวลาของอาคารแห่ง
นี้น่าตื่นตาตื่นใจมากเลยเอามาแบ่งกันดูครับ
|
|
 |
3
พฤษภาคม 2547 |
ผมได้เรียนไว้แล้วว่าสถานที่ที่ผมชอบอีกแห่งใน
อิตาลีคือ Colosseum รวมถึง Roman
Forum ซึ่งบริเวณนี้น่าจะเรียกรวมกันว่า
Roman Forum ทั้งหมดโดยมี Colos-
seum เป็นส่วนหนึ่งด้วย เป็นย่านเมืองโบราณ
ยุคสมันอาณาจักรโรมัน สิ่งปลูกสร้างแถวนี้จะมี
อายุร่วมสองพันปีเกือบทั้งนั้น ตัวโคลีเซี่ยมเอง
สร้างในปี 72AD เป็นสนามสำหรับพวก
Gladiatorต่อสู้กันและสู้กับสัตว์ป่า ในปี 80
มีสัตว์ถูกฆ่าไปกว่า 9,000ตัว โคลีเซี่ยมจุคนได้
ราว 55,000คน ใหญ่แค่ไหนลองจินตนาการดู
รูปนี้จะเห็นเป็นวงๆ ใต้พื้นที่ต่อสู้กันเป็นทาง
เดินของคนและสัตว์ที่จะขึ้นมาห่ำหั่นกันข้าง
บน พออาณาจักรโรมันเริ่มเสื่อมลง
พวกสิ่งตก
แต่งภายในก็ถูกถอดไปใช้ตกแต่งที่อื่นเหลือซาก
ที่ค่อนข้างสมบูรณ์ไว้ให้ดูเพราะไม่ได้ถูกทำลาย
จากสงครามครับ
|
|
|
 |
26
เมษายน 2547 |
ที่อิตาลีที่ผมไปเยือนมาสี่เมืองมีโรม,
มิลาน, เวนิซ
และฟลอเร้นซ์สถานที่ที่สร้างความประทับใจให้
ผมมีสองที่ครับคือ โคลีเซียมรวมถึงโรมันฟอรัม
กับหอเอนปิซ่า ซึ่งเป็นที่เที่ยวสุดท้ายในอิตาลีของ
ครอบครัวผม เรานั่งรถไฟจากฟลอเร้นซ์ถึงปิซ่า
แล้วเดินกันเกือบครึ่งชั่วโมง พอเห็นหอเอนปิซ่า
เท่านั้นครับความเมื่อยกับอาการเบื่อการเที่ยว
เพราะเที่ยวมาหลายวันแล้วก็หายไป กับอึ้งกับ
ขนาดที่ใหญ่กว่าที่คิดมากและความเอนของหอ
ที่เอนมากด้วยเช่นกัน หอเอนปิซ่าเป็นความมหัศ
จรรย์จากความผิดพลาดของการก่อสร้างซึ่งเริ่ม
สร้างเมื่อพันปีก่อน พอสร้างได้ 100ปี หอก็เริ่ม
เอนที่ชั้นที่ 3 การก่อสร้างทำต่อไปอีก 200ปี ก็
เสร็จใช้เวลาสร้างไป 300ปีครับ นานกว่ากรุง
เทพอีก รูปนี้ได้เทียบความเอนกับ Duomo
(โบสถ์ประจำเมือง) ได้เห็นความเอนและขนาด
จะๆ หนาวแต่สวยดีเลยเอามาแบ่งกันดูครับ
|
|
|
|